เทคนิคชงกาแฟเดอร์ตี้ให้สมบูรณ์แบบ
ชงกาแฟเดอร์ตี้อย่างไรให้ออกมาสมบูรณ์แบบ รสชาติหอมมัน โดยไม่กลบกลิ่นกาแฟ เดบิคมีคำตอบ…
Dirty Coffee กาแฟยอดนิยมที่กำลังครองใจคอกาแฟ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมมัน ประกอบกับลวดลายของขากาแฟที่ค่อยๆ ไหลลงมาเป็นเส้นรอบขอบแก้วจนดูเปรอะเล็กน้อย แต่ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะที่ชวนให้คอกาแฟหลงใหล ซึ่งนอกจากช็อตริสเทรตโต้ (Ristretto) และนมสดแล้ว เดบิค วิปปิ้งครีม ก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้กาแฟเดอร์ตี้ ออกมาสมบูรณ์แบบ
เดบิค วิปปิ้งครีม องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการชงกาแฟเดอร์ตี้ให้ออกมาอร่อยสมบูรณ์แบบ ช่วยชูอโรม่าของช็อตริสเทรตโต้ (Ristretto) โดยไม่กลบกลิ่นและรสชาติของกาแฟ อีกทั้งช่วยบาลานซ์บอดี้ชั้นเบสนมและชั้นกาแฟให้เข้ากันจนได้สัมผัสที่สะอาดและนุ่มละมุน เมื่อยกดื่มจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมๆ และรสชาติเข้มๆ ของช็อตริสเทรตโต้อุ่นๆ ที่เข้ากับชั้นเบสนมที่เย็นจัดได้เป็นอย่างดีโดยไม่รู้สึกเคลือบปาก
Dirty Coffee กาแฟยอดนิยมที่กำลังครองใจคอกาแฟ ด้วยรสชาติที่เข้มข้น หอมมัน ประกอบกับลวดลายของขากาแฟที่ค่อยๆ ไหลลงมาเป็นเส้นรอบขอบแก้วจนดูเปรอะเล็กน้อย แต่ก็เป็นเสน่ห์เฉพาะที่ชวนให้คอกาแฟหลงใหล ซึ่งนอกจากช็อตริสเทรตโต้ (Ristretto) และนมสดแล้ว เดบิค วิปปิ้งครีม ก็เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้กาแฟเดอร์ตี้ ออกมาสมบูรณ์แบบ
เดบิค วิปปิ้งครีม องค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการชงกาแฟเดอร์ตี้ให้ออกมาอร่อยสมบูรณ์แบบ ช่วยชูอโรม่าของช็อตริสเทรตโต้ (Ristretto) โดยไม่กลบกลิ่นและรสชาติของกาแฟ อีกทั้งช่วยบาลานซ์บอดี้ชั้นเบสนมและชั้นกาแฟให้เข้ากันจนได้สัมผัสที่สะอาดและนุ่มละมุน เมื่อยกดื่มจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมๆ และรสชาติเข้มๆ ของช็อตริสเทรตโต้อุ่นๆ ที่เข้ากับชั้นเบสนมที่เย็นจัดได้เป็นอย่างดีโดยไม่รู้สึกเคลือบปาก
1. Balance Ratio
อัตราส่วนของชั้นเบสนมและชั้นกาแฟถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้กาแฟเดอร์ตี้แต่ละแก้วออกมาสมบูรณ์แบบ โดยเดบิคเราได้คิดค้นและทดลองมาแล้วว่าอัตราส่วนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชั้นกาแฟในการทำกาแฟเดอร์ตี้ในแบบฉบับเดบิคคืออัตราส่วนกาแฟ 1 ส่วน ต่อน้ำ 0.5 ส่วน และสำหรับเบสนม อัตราส่วนคือ เดบิค วิปปิ้งครีม 4 ส่วน ต่อนมสด 6 ส่วน ซึ่งสัดส่วนนี้จะทำให้บอดี้ของชั้นนมกำลังพอเหมาะ ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป และเดบิค วิปปิ้งครีมจะเข้าไปช่วยชูอโรม่าของช็อตริสเทรตโต้ (Ristretto) ที่สกัดออกมาโดยไม่กลบรสชาติกาแฟ ขณะเดียวกันก็จะช่วยบาลานซ์บอดี้ของชั้นเบสนมและชั้นกาแฟให้เข้ากัน พร้อมๆ ไปกับการเพิ่มสัมผัสที่นุ่มละมุนตั้งแต่จิบแรกที่ยกดื่มจวบจนจิบสุดท้าย
2. Coffee Extraction
เทคนิคการชงกาแฟเดอร์ตี้ให้ออกมาสมบูรณ์นั้น นอกจากสัดส่วนของชั้นเบสนมและชั้นกาแฟที่ถูกต้องแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความเย็นจัดของชั้นเบสนม โดยหลังจากที่ผสมนมสดและวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกันแล้ว ควรนำเบสนมที่ได้ไปแช่เย็นจนเย็นจัดเพื่อให้เบสนมเซ็ตตัว ก่อนนำไปวางใต้เครื่องสกัดกาแฟที่ใช้ด้ามชง Bottomless ในการสกัดกาแฟริสเทรตโต้ (Ristretto) เพื่อลดการสั่นสะเทือนของหยดกาแฟเมื่อกระทบกับชั้นเบสนม ซึ่งด้ามชงแบบ Bottomless จะช่วยให้การสกัดกาแฟค่อย ๆ หยดลงบนผิวนม โดยที่น้ำกาแฟไม่ไหลรวมกันเป็นเส้นเดียวจึงช่วยป้องกันไม่ให้กาแฟทะลุลงไปยังชั้นเบสนมด้านล่าง อย่างไรก็ตามหากอยากให้กาแฟที่สกัดออกมาครบรส จำเป็นต้องบดกาแฟให้ละเอียดเพื่อป้องกันการเกิดการสกัดที่ไม่สมบูรณ์ (Under Extraction) ที่ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยวจนเกินไป
3. Balance Layer
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของกาแฟเดอร์ตี้อยู่ที่การไหลของขากาแฟที่ค่อยๆ ไหลลงมาเป็นเส้นอยู่ข้างๆ ขอบแก้ว ซึ่งการไหลเป็นเส้นนี้เกิดจากการเจอกันของเบสนมที่เย็นจัดกับกาแฟที่ร้อนจัด เมื่อทั้งสองชั้นค่อยๆ ปรับอุณหภูมิเข้าหากันจึงเกิดเป็นขากาแฟที่ไหลลงมาเป็นเส้น ดูสกปรกอันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้กาแฟเดอร์ตี้แตกต่างจากกาแฟประเภทอื่นๆ เมื่อยกแก้วกาแฟเดอร์ตี้ขึ้นดื่มจะสัมผัสได้ถึงกาแฟอุ่นๆ และนมที่เย็นจัด โดยเฉพาะเมื่อมี เดบิค วิปปิ้งครีม ผสมจะยิ่งสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของรสชาติที่บาลานซ์ไร้ที่ติ